วิธีบรรเทาอาการปวดประจำเดือนให้ทันใจ

ในทุกๆเดือนผู้หญิงส่วนใหญ่จะต้องทนกับอาการปวดประจำเดือนแน่นอนว่ามันไม่ใช่เรื่องที่ดีและไม่ใช่เรื่องที่ผู้หญิง อยากจะต้องพบเจอและวันนี้เราได้นำเอาข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับวิธีบรรเทาอาการปวดประจำเดือนมาแนะนำการบอกเลยว่าข้อมูลที่เราแนะนำมาฝากกันในวันนี้จะช่วย บรรเทาอาการปวดประจำเดือน ได้ในระดับหนึ่งเลยทีเดียวสำหรับใครที่กำลังมีปัญหาในเรื่องนี้อยู่บอกเลยว่าไม่ควรพลาด วิธีช่วยให้หาย บรรเทาอาการปวดประจำเดือน ให้หายได้อย่างรวดเร็วทันใจ 1.ดื่มน้ำอุ่นๆ โดยน้ำอุ่นนั้นสามารถหาได้โดยทั่วไปทุกบ้านมีอยู่แล้ว ซึ่งน้ำอุ่นจะช่วยลดอาการปวดได้เนื่องจากจะช่วยให้กล้ามเนื้อที่เกรงและหดตัวนั้นคลายลง และยังช่วยให้เลือดในร่างกายนั้นไหลเวียนได้ดีขึ้น ทำให้สามารถ บรรเทาอาการปวดประจำเดือน ให้เบาลงได้ 2.ดื่มน้ำขิง น้ำขิงมีรสชาติเผ็ดร้อนอาจจะทำให้ไม่ถูกใจสาวๆหลายคน แต่ถ้าสาวๆได้ดื่มแล้วก็จะช่วยลดอาการปวดท้องประจำเดือนได้เป็นอย่างดี เนื่องจากน้ำขิงนั้นมีฤทธิ์ร้อนทำให้ไปเพิ่มความอบอุ่นในร่างกายเมื่อได้ดื่มน้ำขิงลงไป จึงช่วยในเรื่องของการไหลเวียนเลือดในร่างกายได้เป็นอย่างดีและยังช่วยคลายกล้ามเนื้อที่หดตัวได้อีกด้วยสามารถทำให้ค่อยลดอาการปวดท้องประจำเดือนได้ 3.ประคบร้อนด้วยถุงน้ำร้อน ซึ่งถุงน้ำร้อนเป็นอีกหนึ่งไอเท้มที่สาวๆไม่ควรพลาด เวลาที่สาวๆนำถุงน้ำร้อนมาปะคบที่ท้องน้อยก็จะช่วยให้กล้ามเนื้อคลายตัวและ บรรเทาอาการปวดประจำเดือนได้เป็นอย่างดีและอย่าลืมดื่มน้ำอุ่นๆตามไปด้วย 4.นวดท้องน้อยเบาๆ ให้สาวๆค่อยใช้นิ้วนวดเบาๆเป็นวงกลมวนไปเรื่อยๆและใช้ฝ่ามือวอร์มเพื่อให้อุณหภูมิที่อุ่นของฝ่ามือช่วยคลายกล้ามเนื้อไปในตัวรวมถึงกระตุ้นระบบหมุนเวียนเลือดเพื่อลดอาการปวดประจำเดือนได้นั่นเอง 5.กินยาแก้ปวดท้องประจำเดือน แนะนำว่าให้ใช้วิธีเป็นวิธีสุดท้ายเมื่อใช้วิธีข้างต้นไม่ได้ผล แต่ก่อนที่จะกินยาควรรับประทานอาหารเสียก่อนเนื่องจากยาอาจจะกัดกระเพาะได้ เพราะฉะนั้นสาวๆจะต้องมีการเตรียมพร้อมก่อนที่จะรับยาแก้ปวดท้องประจำเดือนไว้อีกด้วย หรือใครที่เคยมีประวัติการแพ้ยา ควรที่จะเข้าปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยานั้นเอง เป็นอย่างไรกันบ้างกับข้อมูลเกี่ยวกับวิธีบรรเทาอาการปวดประจำเดือนที่เราได้นำมาแนะนำกันข้างต้นหากคุณเป็นอีกหนึ่งคนที่มีปัญหาเกี่ยวกับอาการปวดประจำเดือนอยู่เป็นประจำก็สามารถที่จะนำเอาข้อมูลข้างต้นที่เรานำมาฝากกันนั้นไปปรับประยุกต์ใช้ได้สำหรับครั้งหน้าเราจะนำเอาข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพที่น่าสนใจทางด้านใดมาฝากกันอีกนานอย่าลืมติดตาม #ปวดประจำเดือน #วันนั้นของเดือน #เคล็ดลับต่างๆ
แม่บ้านต้องรู้!! ล้างผักอย่างไรให้สะอาดเอี่ยม ปลอดภัย แบบดีที่สุด

ผักและผลไม้ในตลาดที่เราซื้อมารับประทานกันเป็นประจำทุกวันนั้นเราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าจะมีสารตกค้างหรือสารเคมีปนเปื้อนมาบ้างหรือไม่ เพราะฉะนั้นก่อนที่เราจะนำผักและผลไม้เหล่านี้มารับประทานก็ควรที่จะล้างทำความสะอาดให้เรียบร้อยเสียก่อน สำหรับวันนี้เราก็ได้นำเอาอีกหนึ่งข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับวิธีการล้างผักและผลไม้ให้สะอาดพร้อมรับประทานอย่างสบายใจมาแนะนำกัน ลองไปดูรายละเอียดกันเลยว่าจะมีวิธีการทำอย่างไรกันบ้าง วิธีล้างผักให้สะอาดที่สุด การล้างผักที่ซื้อมาจากตลาดนั้นจะต้องล้างให้สะอาด และล้างให้ดีที่สุด เพราะยางครั้งอาจจะมีการปนเปื้อนสารเคมีที่เรามองไม่เห็นได้ เพราฉะนั้นเมื่อซื้อผักมาแล้วควรนะมาล้างคราบดินและเลือกเอาผักส่วนที่เน่าเสีย ที่ไม่สามารถรับประทานได้ออกให้หมดเสียก่อน จากนั้นให้เปิดล้างน้ำสะอาดด้วยน้ำไหลก่อน 1 รอบ จากนั้นให้แช่ผักในน้ำสะอาดทิ้งไว้ 15 นาที เมื่อครบเวลาแล้วให้นำผักเหล่านั้นมาล้างทำความสะอาดทีละใบ ด้วยการคลีใบออกผ่าน้ำไหลอีกครั้งหนึ่ง ล้างผักด้วยการแช่น้ำส้มสายชู หลายบ้านจะต้องมีน้ำส้มสายชูติดบ้านไว้อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นควรที่จะนำเอาน้ำส้มสายชู 5% จำนวน 1 ช้อนโต๊ะ มาผสมกับน้ำเปล่าสะอาด 4 ลิตร จากนั้นนำผักแช่ทิ้งไว้นาน 15 นาที เมื่อครบเวลาแล้วให้ล้างออกด้วยน้ำสะอาด 1 ครั้ง ล้างผักด้วยเบคกิ้งโซดา อีกหนึ่งวิธีที่ทำง่ายและได้รับความนิยม วิธีทำก็คือ ให้นำเบคกิ้งโซดาครึ่งช้อนโต๊ะ ผสมเข้ากับน้ำเปล่าสะอาด 10 ลิตร จากนั้นนำผักแช่ทิ้งไว้นาน 15 นาที หลังจากนั้นให้ล้างออกด้วยน้ำเปล่าสะอาด เพียงเท่านี้ก็เสร็จเรียบร้อย ข้อควรระวังในการล้างผัก น้ำเปล่าที่ใช้นั้นจะต้องเป็นน้ำสะอาดเท่านั้น เพื่อที่จะมั่นใจได้ว่าไม่มีสิ่งสกปรกติดอยู่กับผักที่เราจะรับประทาน และในขั้นตอนการผสมส่วนผสมนั้นควรจะต้องเป็นไปตามที่แนะนำข้างต้น เพื่อที่จะได้การล้างผักที่เกิดประสิทธิภาพสูงสุดนั่นเอง เป็นอย่างไรกันบ้างกับข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการล้างผักและผลไม้ให้สะอาดพร้อมรับประทานได้อย่างสบายใจที่เรานำมาแนะนำกันข้างต้น ซึ่งแต่ละวิธีนั้นก็สามารถทำได้โดยง่ายไม่ยากจนเกินไป และที่สำคัญวัตถุดิบที่นำมาใช้ในการล้างผักและผลไม้นั้นก็สามารถหาซื้อได้ตามท้องตลาดทั่วไปและราคาไม่แพง แถมยังใช้ได้ในระยะเวลาที่ยาวนานอีกด้วย […]
3 ท่าลดสะโพกได้ผลเร็วทันใจ

เบื่อหรือไม่กับการที่คุณเป็นคนที่สะโพกและบันท้ายใหญ่เวลาเดินไปไหนก็มีแต่คนมอง ยิ่งใครที่เป็นคนมีรูปร่างอ้วนและสะโพกใหญ่ด้วยแล้วก็ยิ่งทำให้การทรงตัวเป็นไปด้วยความลำบากแถมยังเดินช้าลงอีก เพราะไขมันของคนอ้วนบางคนก็ไปลงที่สะโพกหมดแทนที่จะเป็นหน้าท้องเหมือนอย่างคนปกติ พอจะลดน้ำหนักโดยการควบคุมอาหารควบคู่กับการออกกำลังกายก็ช่างยากแสนยาก วันนี้เราจึงมีวิธีลดสะโพกของคุณด้วย 3 ท่าออกกำลังกายแบบเบา ๆ จะทำในห้องปรับอากาศเย็น ๆ หรือทำนอกบ้านก็ย่อมได้ หากคุณปฏิบัติทุกวันรับรองเลยว่าสะโพกใหญ่ ๆ ของคุณจะลดและส่งผลให้น้ำหนักของคุณลดไป 3 กิโลกรัมต่อ 1 เดือนได้เลย ขอแค่จิตใจคุณมีการปฏิญาณว่า “ฉันต้องหุ่นดี”แค่นี้เอง 1.ท่ายืดขาตรงขึ้นและลง ในท่าลดสะโพกที่ 1 ท่ายืดขาตรงขึ้นและลง ให้คุณอยู่ในท่ายกตัว เอามือทั้งสองข้างยันที่พื้นไว้ เข่าข้างหนึ่งตั้งฉากติดกับพื้น ส่วนขาข้างหนึ่งก็ยกขึ้นอยู่ในท่างอเข่าและเหยียดตรงขึ้นก่อนจะยกขาข้างดังกล่าวขึ้นและลงแบบตั้งฉากเข้าไว้ให้ครบ 30 ครั้งก่อนจะสลับไปทำขาอีกข้าง ท่านี้จะช่วยลดสะโพก บั้นท้าย รวมไปถึงต้นขาของคุณด้วย 2.ท่าเอนตัวยกขา ในท่าลดสะโพกที่ 2 ท่าเอนตัวยกขา ให้คุณอยู่ในท่ายกตัว เอามือทั้งสองข้างยันที่พื้นไว้ เข่าข้างหนึ่งตั้งฉากติดกับพื้นเช่นเดียวกับท่าแรก ส่วนขาข้างหนึ่งก็ยกขึ้นและดันไปข้างหน้าให้อยู่บริเวณท้อง ส่วนหน้าท้องก็ให้สูดหายใจเข้าทุกครั้งเมื่อขาไปถึง ก่อนที่จะตีขาไปทางด้านหลังอย่างเบา ๆ ให้เหยียดตรงแนวนอนแบบสูง ๆ คล้ายการสะบัด ทำเช่นนี้ไปจนครบ 30 ครั้งก่อนจะทำสลับกับขาอีกข้าง ท่านี้จะช่วยลดได้ทั้งสะโพก ต้นขา รวมไปถึงหน้าท้อง อีกทั้งยังทำให้คุณมีระบบการหายใจที่ดีด้วย 3.ท่าแหวกขาขึ้นและลง […]
เทคนิคการตัดผมหน้าม้าให้เข้ากับรูปหน้า

เชื่อว่าทรงผมก็เป็นเรื่องสำคัญสำหรับผู้หญิง เพราะทรงผมของเราจะช่วยให้เรามีความมั่นใจเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นการตัดผมให้กับรูปหน้าเป็นเรื่องที่ผู้หญิงหลายคนให้ความสนใจมากทีเดียว และผู้หญิงส่วนใหญ่จะชอบตัดหน้าม้าเพื่อเพิ่มความมั่นใจ วันนี้เราเลยมีเทคนิคการตัดหน้าม้าให้เข้ากับรูปหน้ามาฝากสาวๆทุกคนค่ะ ไปดูกันเลย 1.ใบหน้ากลม สำหรับสาวใบหน้ากลม ควรเลือกตัดหน้าม้าให้สั้นเหนือคิ้วหรือเสมอกับคิ้ว เพราะจะช่วยให้ใบหน้าไม่สั้นเกินไปและดูสมส่วนมากขึ้น แนะนำว่าให้ตัดหน้าม้าแบบซีทรูบางๆรับรองว่าได้ลุคน่ารักสดใสแน่นอนค่ะ 2.ใบหน้ารูปไข่ ต้องบอกเลยว่าใบหน้ารูปไข่เป็นเบ้าหน้าที่ไม่ว่าจะตัดหน้าม้าสไตล์ไหนก็เหมาะค่ะ แต่สำหรับใครที่อยากเพิ่มความหน้าเด็กขึ้นอีก แนะนำว่าให้ตัดหน้าม้าสั้นกว่าคิ้วและเน้นความหนาของหน้าม้าให้มากขึ้น รับรองว่าดูหน้าเด็กขึ้นจนมีคนทักแน่นอนค่ะ 3.ใบหน้ายาว สำหรับสาวใบหน้ายาว แนะนำให้ตัดหน้าม้าแบบตรงๆโดยที่ความยาวของหน้าม้าอยู่ต่ำกว่าคิ้ว และหน้าม้าไม่บางหรือไม่หนาจนเกินไป เพื่อช่วยปกปิดความยาวของใบหน้า รับรองเลยว่าลุคนี้สวยและดูดีไม่แพ้ลุคอื่นๆเลยค่ะ 4.ใบหน้าเหลี่ยม สำหรับสาวใบหน้าเหลี่ยม แนะนำว่าควรตัดผมหน้าม้าตรงๆให้ยาวลงมาปิดคิ้ว และไดร์ผมให้ปลายผมงุ้มเข้านิดๆ จะช่วยลดความเหลี่ยมของใบหน้า และช่วยปกปิดกรามของสาวๆได้ดีทีเดียวค่ะ 5.ใบหน้ารูปหัวใจ สาวใบหน้ารูปหัวใจเป็นใบหน้าที่ดูดีอยู่แล้วค่ะ แต่หากจะตัดหน้าม้าก็แนะนำว่าให้ตัดหน้าม้าแบบซอยบางๆไล่ระดับเพื่อปกปิดโหนกแก้ม ไม่ควรเป็นหน้าม้าทึบเพราะจะทำให้หน้าดูสั้นได้ค่ะ 6.ใบหน้ารูปเพชร สำหรับสาวใบหน้ารูปเพชร แนะนำให้ตัดผมหน้าม้าให้ความยาวอยู่ระดับคิ้วพอดี เป็นผมหน้าม้าแบบปัดที่มีความหนาพอประมาณแต่ไม่หนาจนเกินไป หน้าม้าสไตล์นี้ดูดีไม่แพ้ลุคอื่นๆเลยค่ะ นี่ก็เป็นเทคนิคดีๆที่เรานำมาฝากสาวๆที่อยากตัดหน้าม้าให้เข้ากับรูปหน้าของตัวเองค่ะ อยากให้สาวๆทุกคนมั่นใจในใบหน้าของตัวเองนะคะ เพราะเราทุกคนสวยในแบบของตัวเองค่ะ หวังว่าเทคนิคนี้จะเป็นประโยชน์กับสาวๆหลายคนนะคะ หรือใครมีเทคนิคการตัดหน้าม้าแบบอื่นๆที่ดูดีไม่แพ้กัน ก็อย่าลืมนำมาแชร์กันนะคะ #เทคนิคการตัดผม #ผมหน้าม้า #เคล็ดลับต่างๆ
How to ร้องเพลงอย่างไรให้เพราะขึ้น

การร้องเพลงน่าจะเป็นสิ่งที่หลายคนชื่นชอบเพราะสามารถร้องที่ไหนก็ได้โดยไม่ต้องเสียเงินและไม่จำเป็นต้องพึ่งเครื่องดนตรี เราเชื่อว่าหลายๆคนอาจจะมีความฝันที่จะขึ้นไปประกวดร้องเพลงบนเวทีต่างๆ แต่ก่อนอื่นนั้นเราก็ต้องฝึกฝนเสียงร้องของเราให้มีคุณภาพเสียก่อน วันนี้เราจึงนำ How to ร้องเพลงอย่างไรให้เพราะขึ้น มาฝากทุกคนๆกันค่ะ อยากรู้กันแล้วใช่ไหมล่ะคะว่ามีเทคนิคอะไรบ้าง ไปดูกันเลยจ้าาาา 1.ความเชื่อมั่น เป็นหลักง่ายๆในการร้องเพลงกันเลยล่ะค่ะ เพราะหากมีความเชื่อมั่นอย่างเต็มเปี่ยมแล้ว ไม่ว่าการทำอะไรก็จะออกมาสัมฤทธิผลได้ดี ในการร้องเพลงก็เช่นกันความเชื่อมั่นสูงได้นั้นต้องผ่านการฝึกซ้อมมาอย่างหนัก บางคนอาจจะเริ่มจากการร้องในห้องน้ำคนเดียวจนชิน แล้วค่อยไปร้องในกลุ่มให้เพื่อนๆฟัง จนไปถึงร้องเพลงในที่สาธารณะแบบไม่ต้องอายใคร ซึ่งจุดนี้จะช่วยในการร้องเพลงเป็นอย่างมาก 2.การควบคุมลมหายใจ อาจเป็นเทคนิคขั้นสูงสำหรับมือใหม่ เพราะหลายๆคนยังไม่รู้วิธีการดึงเสียงจากกระบังช่องลมเท่าไหร่นัก การร้องเพลงที่ถูกต้องต้องหายใจให้ท้องป่องออกมาและดึงลมออกมาที่ช่วงปากให้เสียงมีพลัง ช่วงแรกของการฝึกอาจใช้วิธีร้องเพลงโดยแบ่งวรรคหายใจให้ถูกต้องเสียก่อน 3.ปรับคีย์ดนตรีให้เข้ากับเสียงร้องของตัวเอง ก่อนจะร้องเพลงให้เพราะได้ต้องรู้จักเลือกคีย์ดนตรีให้เหมาะสมกับเสียงของเราด้วยนะคะเพราะสรีระร่างกายของคนเราไม่เหมือนกัน อย่างเช่น ผู้ชายจะสามารถร้องโน้ตได้ต่ำมาก ๆ ผู้หญิงไม่สามารถร้องต่ำได้ขนาดนั้น แต่ผู้หญิงก็สามารถร้องเสียงได้สูงกว่าผู้ชาย 4.รู้จักใช้ปากให้ถูกรูปแบบเสียง นักร้องที่ดีต้องไม่ห่วงลุคของตนเอง เพราะยามขึ้นร้องบนเวทีแล้วนอกจากปากที่ต้องอ้ากว้างๆแล้วบางคนสีหน้ายังเข้าถึงอารมณ์เพลงแบบไม่แคร์สื่ออีกด้วย ซึ่งการร้องเพลงก็คือการสื่ออารมณ์ให้เข้าถึงคนดู เริ่มแรกอาจใช้วิธีร้องจากหน้ากระจกเพื่อเพิ่มความมั่นใจกันเล็กน้อยและลองออกเสียงให้ตรงคำและถึงคีย์เพลงที่ร้อง หลังจากนั้นการร้องเพลงของคุณจะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป 5.พยายามเข้าถึงอารมณ์เพลง เรื่องของอารมณ์ในบทเพลงถือว่าเป็นเรื่องสำคัญอีกเรื่องหนึ่ง เพราะถ้าร้องเพลงแบบไร้อารมณ์ ไม่มีความรู้สึก เพลงที่เราร้องก็จะหมดความน่าสนใจไปในระดับหนึ่ง ถ้าอยากร้องเพลงให้เพราะก็ต้องใส่ใจเนื้อเพลงของแต่ละบทเพลงให้ดี ๆ ดูว่าเพลงให้อารมณ์แบบไหน เพลงเศร้าเราก็ต้องร้องให้คนอื่นเข้าใจว่าเรากำลังผิดหวัง เพลงสนุกสนาน ก็อาจจะร้องไปด้วยเต้นไปด้วยนิดหน่อยก็ได้ ตามอารมณ์ของบทเพลงนั้น ๆ เป็นยังไงกันบ้างคะคิดว่าพอจะทำได้กันรึเปล่ากับ How to ร้องเพลงอย่างไรให้เพราะขึ้น เป็นขั้นตอนง่ายๆที่ทุกคนสามารถลองไปฝึกทำตามกันได้ง่ายๆแบบไม่เสียค่าใช้จ่าย […]
How to บริหารสุขภาพจิตในช่วง Covid-19

ถึงแม้การเว้นระยะห่างทางสังคม จะช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อการแพร่ระบาดของไวรัส Covid-19 แต่เชื่อว่าช่วงเวลาแบบนี้คงทำให้หลายคนรู้สึกเหงาแน่ๆ เพราะไม่ได้พบปะพูดคุยสังสรรค์กับเพื่อนฝูง รวมทั้งไม่ได้ออกไปเที่ยวไหนเลย บางคนก็มีแพลนจะไปเที่ยวแต่ทริปก็ต้องมาล่มเพราะโรคร้าย ยิ่งหากเราไม่มีการบริหารสุขภาพจิตของตนเองในช่วงสถานการณ์แบบนี้ก็จะยิ่งทำให้เรารู้สึกเครียด เบื่อ หรือและอาจส่งผลเสียในระยะยาวได้ วันนี้เราจึงรวบรวมแนวทางบริหารสุขภาพจิตในช่วง Covid-19 มาฝากเพื่อนๆกัน ตามไปดูกันเลยค่ะ 1.อย่าปล่อยตัวเองจมอยู่กับความเบื่อหน่าย วิธีนี้ถือว่าสำคัญมากเลยค่ะ เราต้องสร้างบรรยากาศใหม่ๆภายในบ้านของเราอยู่ตลอดเวลา ลองเปลี่ยนมุมทำงาน จัดห้องนอนใหม่ดูบ้าง เพื่อให้ร่างกายไม่จมอยู่กับสิ่งเดิมๆในทุกวัน เปลี่ยนเป็นสิ่งใหม่ไปเรื่อยๆ หรืออาจจะใช้เวลาที่อยู่บ้านแบบนี้ทำในสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน จากเดิมที่ออกกำลังกายแต่ในฟิตเนสก็เปลี่ยนเป็นออกกำลังกายที่บ้านแทน รับรองว่าช่วยลดความเครียดของเราลงแน่นอนค่ะ 2.คุยกับเพื่อนๆและคนสนิทอยู่เสมอ ถึงแม้จะไม่ได้พบปะพูดคุยกันต่อหน้า แต่เราสามารถคุยกับเพื่อนๆผ่านแอปพลิเคชันได้นะคะ และไม่ควรพูดคุยกันเรื่อง Covid-19 แต่ให้พูดถึงเรื่องที่ทำให้คุณกับเพื่อนมีความสุข ไม่พากันคุยเรื่องเครียดๆ พยายามหาเรื่องมาคุยกันให้บทสนทนาสนุกสนานมากที่สุด ถือว่าเป็นการบริหารจิตใจเราอีกวิธีหนึ่งที่แนะนำมากๆค่ะ 3.ติดตามข่าวสารแต่พอดี ช่วงเวลาแบบนี้มีทั้งข่าวสารที่ดีและไม่ดีเต็มไปหมด การรับข่าวสารที่มากจนเกินไปอาจทำให้เราเกิดความเครียดได้ เราจึงควรรับข่าวสารแต่พอดี และควรเลือกรับข่าวสารที่น่าเชื่อถือจากแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือเท่านั้น 4.มองหาตัวช่วยดูแลสุขภาพจิต หากรู้สึกว่าตัวเองมีความเครียดบ่อยๆ และหาทางออกไม่ได้ ลองปรึกษาจิตแพทย์ดูนะคะ การปรึกษาจิตแพทย์ไม่ใช่เรื่องผิดปกติ แต่เป็นการช่วยดูแลสุขภาพจิตให้ถูกวิธีที่สุด แต่ช่วงนี้ก็ลองปรึกษาจิตแพทย์แบบออนไลน์ดูนะคะ แนะนำเป็น OOCA Relationflicp เป็นแอปพลิเคชันการพบแพทย์แบบออนไลน์ด้วยระบบ Video Call สะดวกและดีมากๆค่ะ เราไม่รู้ว่าโรคระบาดนี้จะอยู่กับเราไปอีกนานเท่าไหร่ ดังนั้นการบริหารสุขภาพจิตจึงเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะบางคนก็คิดมากเนื่องจากต้องหยุดงานทำให้ขาดรายได้ […]
การลดความอ้วน ยาก หรือ ไม่ยากกันแน่นะ

การลดความอ้วน หรือการลดพุงนั้นไม่ยากหากมีการออกกำลังร่วมด้วย ผู้เขียนจะนำเสนอวิธีการออกกำลังที่เหมาะสม โดยใช้หลักการเผาผลาญไขมันจากการใช้พลังงานของร่างกาย หลักการลดน้ำหนักนั้นง่ายมากคือกินให้น้อยลง ใช้ให้มากขึ้น แต่การกินให้น้อยลงวันละ 250 กิโลแคลอรี และออกกำลังหรือทำกิจกรรมเพิ่มขึ้นจากเดิมวันละ250 กิโลแคลอรี รวมเป็น 500 กิโลแคลอรี เท่ากับใช้ไขมันไป 500/9 = 55 กรัม ไขมัน 1 กรัมให้พลังงาน 9 กิโลแคลอรีหรือประมาณครึ่งขีด 1 ขีด = 100กรัม ถ้าทำต่อเนื่อง 20 วันจะลดได้ 1 กิโลกรัม 60วันหรือ 3 เดือนจะลดได้ 3 กิโลกรัม ออกกำลังร่วมกับลดการกินจะดีกว่าการลดอาหารอย่างเดียว ซึ่งต้องทนหิวและทรมานตัวเองมากไป แค่ขยับร่างกาย ก็การลดความอ้วนได้ การเดินเร็วเป็นวิธีที่เหมาะสม และง่ายที่สุดสำหรับผู้ที่จะการลดความอ้วน เพราะใช้เวลาไม่มากเกินไป 30 – 45 นาที ไม่ยุ่งยากมีเพียงรองเท้าผ้าใบส้นหนาๆ เพื่อลดแรงกระแทกสักคู่หนึ่งก็พอ ผู้ที่ไม่ชอบออกกำลังแบบเดียว อาจออกกำลังหลายแบบสลับวัน เช่น ว่ายน้ำวันอาทิตย์ […]
เลือกกินอาหารอย่างไรให้สวยใสไร้สิว

หากเอ่ยถึง สิว แล้วเชื่อว่าหลายคนอาจกำลังเจอปัญหารบกวนใจอยู่บ้างไม่มากก็น้อย ทั้งนี้ไม่ว่าเมื่อใดก็ตามที่สิวได้ผุดขึ้นที่ใบหน้าอันสวยงามของเราแล้วละก็ นับเป็นสัญญาณบ่งบอกและเตือนเราได้เป็นอย่างดีว่า ผิวหน้าของเรานั้นมีความผิดปกติเกิดขึ้น ซึ่งปัญหาส่วนหนึ่งของการเกิดสิวนั้นก็มาจากการกินของเรานั่นเอง อยากทราบกันแล้วใช่ไหมละว่า ต้องเลือกกินอะไรดีจึงจะทำให้เรามีผิวหน้าที่สวยใสไร้สิว วันนี้เรามีเคล็ดลับดี ๆ ในการเลือกกินอาหาร แก้ปัญหาสิวกวนใจมาฝากจ้า สวยแบบสุขภาพดีและมั่นใจ ต้องสวยใสไร้สิว นะคะ 1.มาเริ่มต้นกันที่หันมาเลือกกินผักให้เยอะ ๆ เน้นที่ผักใบเขียว เพราะผักใบเขียวมีทั้งวิตามินเอและคลอโรฟิล ซึ่งมีประโยชน์ต่อผิวอย่างมาก หากคนไหนที่ไม่ชอบทานผักแต่อยากสวยใสไร้สิวแล้วละก็ ลองเปลี่ยนจากการกินผักแบบปกติไปเป็น นำไปปั่นกับผลไม้ ทำเป็นเครื่องดื่มก็อาจช่วยให้กินง่ายขึ้นนะคะ 2.ลดและหลีกเลี่ยงอาหารรสชาติหวาน รู้หรือไม่ว่าอาหารรสหวานนั้นอันตรายต่อสุขภาพผิวของเราอย่างมาก หลายคนอาจสงสัยว่าเพราะอะไรถึงเป็นอันตราย คำตอบคือก็เพราะอาหารรสหวานเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดสิว ความหวานนั้นอาจจะมาจาก น้ำตาลที่ใช้ปรุงอาหาร หรือผลไม้ที่มีรสหวาน ดังนั้นหากใครอยากมีผิวหน้าที่ไร้สิวก็ควรลดและหลีกเลี่ยงอาหารรสหวานจ้า 3.เพิ่มแบคทีเรียในลำไส้ด้วยการกินโยเกิร์ตและนมเปรี้ยว อย่างที่ทราบกันดีว่าในลำไส้ของคนเรามีแบคทีเรียอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งในจำนวนแบคทีเรียเหล่านี้ก็จะมีทั้งแบคทีเรียที่ดีและไม่ดีปะปนกัน ประโยชน์ของเหล่าบรรดาแบคทีเรียดีนั่นก็คือช่วยในเรื่องของการขับถ่าย ถ้าเรามีการขับถ่ายที่ดี ผิวของเราก็จะสดใส สิวก็จะไม่มาเยือนใบหน้าเราแน่นอน แบคทีเรียดีจะพบมากในโยเกิร์ตและนมเปรี้ยว นี่จึงเป็นเหตุผลที่หากใครอยากมีผิวหน้าสวยใสไร้สิว ต้องหันมากินโยเกิร์ตและนมเปรี้ยว นอกจากการเลือกกินอาหารตามที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว เราควรดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอกับร่างกายในแต่ละวันด้วย ในการดื่มน้ำเปล่านั้นอยากจะแนะนำให้บีบน้ำมะนาวใส่ลงไปสักเล็กน้อย เหตุผลในการแนะนำให้ใส่น้ำมะนาวก็เป็นเพราะว่า น้ำมะนาวนั้นช่วยดีทอกซ์ร่างกาย โดยเฉพาะตับที่ทำหน้าที่กรองสารพิษออกจากร่างกายได้เป็นอย่างดี ดังนั้นหากเราอยากมีระบบภายในดี ผิวพรรณสดใส ใบหน้าสวยใสไร้สิว ก็ควรเลือกดื่มน้ำเปล่าผสมน้ำมะนาวทุกวัน เพียงแค่เราปรับเปลี่ยนนิสัยในการกินและเลือกกินแต่สิ่งที่มีประโยชน์ ปัญหาสิวและผิวพรรณจะหมดไปไม่มารบกวนใจอีกแน่นอน […]
เคล็ดลับกำจัดริ้วรอย

ใบหน้าของเราเป็นแผนที่ที่แสดงให้เห็นว่าเราใช้ชีวิตอย่างไร ทุกบรรทัดบอกเล่าเรื่องราวตั้งแต่เสียงหัวเราะ รอยยิ้มของเราไปจนถึงการพักผ่อนท่ามกลางแสงแดดกับเพื่อนและครอบครัว ใบหน้าของเรายังแสดงสัญญาณของช่วงเวลาแห่งความสุขที่น้อยลงในชีวิต เช่น ความเครียด ช่วงหนึ่งของชีวิตเราทุกคนมองในกระจกและเห็นใบหน้าที่อาจแสดงเรื่องราวของเรามากเกินไป ริ้วรอย เป็นความจริงของชีวิต แต่ไม่ได้หมายความว่าเราต้องยอมรับทุก ริ้วรอย รอบดวงตาและหัวเราะ การต่อสู้กลับเป็นทางเลือกหนึ่ง ไม่มีผลิตภัณฑ์ที่ขายตามเคาน์เตอร์สามารถหมุนนาฬิกาย้อนกลับได้ แต่ก็มีหลายวิธีที่จะช่วยทำให้ริ้วรอยดูลดเลือน วิธีลบเลือนริ้วรอยบนใบหน้า ใช้ครีมกันแดด สาเหตุใหญ่ที่สุดอย่างหนึ่งของการเกิด ริ้วรอย ก่อนวัยคือแสงแดด รังสียูวี ที่เป็นอันตรายที่สามารถทำลายคอลลาเจนซึ่งทำให้ผิวอวบอิ่มและเต่งตึงเช่นเดียวกับอีลาสตินที่นำไปสู่การก่อตัวของเส้นและรอยพับ ปกป้องตัวเองด้วยการทาครีมกันแดดทุกวัน แม้ว่าวันนั้นจะมีเมฆมากก็ตาม วิธีที่ง่ายที่สุดคือเลือกใช้ครีมบำรุงผิวประจำวันที่มีส่วนผสมของ SPF สูง เราสามารถเลือกใช้ครีมกันแดดเนื้อเจลได้หากไม่ชอบเนื้อครีม เลิกสูบบุหรี่ การสูบบุหรี่เป็นหนึ่งในสิ่งที่เลวร้ายที่สุดที่เราทำเพื่อสุขภาพและใบหน้าของคุณ การสูบบุหรี่ช่วยเร่งกระบวนการชราของผิวหนังเนื่องจากสารเคมีในนิโคตินทำลายคอลลาเจนและอีลาสติน นิโคตินยังทำให้การไหลเวียนของเลือดลดลงซึ่งหมายความว่าผิวจะขาดออกซิเจนและสารอาหาร เช่น วิตามินเอที่อาจทำให้เกิดริ้วรอยได้ การหายใจเข้าทางกายภาพซ้ำ ๆ ยังก่อให้เกิด ริ้วรอย รอบริมฝีปากด้วย 3. เพิ่มความชุ่มชื้น ผิวที่แห้งและขาดน้ำไม่เพียงแต่ทำให้คันและไม่สบายตัวเท่านั้น แต่ยังทำให้ ริ้วรอยดูแย่ลงอีกด้วย ผิวแห้งจะเน้นให้เห็น ริ้วรอย และรอยพับ ในขณะที่ผิวที่ชุ่มชื้นจะดูอวบอิ่มและอ่อนนุ่ม เพื่อให้ผิวชุ่มชื้นอยู่เสมอควรทาครีมบำรุงผิววันละ 2 ครั้ง หากผิวของเรารู้สึกตึงและแห้งให้ทาเซรั่มเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นมากเป็นพิเศษ นอกจากนี้อย่าลืมเติมความชุ่มชื้นจากภายในด้วยการดื่มน้ำปริมาณมากและเติมความชุ่มชื้นจากภายนอกด้วยการใช้สเปรย์น้ำแร่ฉีดหน้าระหว่างวัน 4.ลดน้ำตาล อาจเป็นเรื่องยากที่จะควบคุมความหวาน […]
How to ลดน้ำหนักจากการทำงานบ้าน

เชื่อว่าเพื่อนๆหลายคนที่อยู่บ้านช่วงนี้ก็คงจะเบื่อกันใช่ไหมล่ะคะ เพราะออกไปไหนไม่ได้ หลายคนคงคิดถึงการออกกำลังกาย หรือเข้าฟิตเนสกันแล้วแน่ๆ แต่จริงๆแล้วการออกกำลังกายไม่จำเป็นต้องเข้ายิมหรือเข้าฟิตเนสเท่านั้นนะคะ เพราะวิธีที่ง่ายกว่านั้นคือการทำงานบ้านนี่แหละค่ะที่จะช่วยลดน้ำหนักได้ อยากรู้กันแล้วใช่ไหมล่ะคะว่างานบ้านที่ว่ามีอะไรบ้าง งั้นตามไปดูกันเลยค่า 1.จัดเตียงนอน การจัดเตียงนอนให้น่านอน ไม่ว่าจะเป็นการดึงผ้าปูที่นอนให้ตึง พับผ้าห่มให้เป็นระเบียบ จัดเรียงสิ่งต่างๆที่ใกล้กับเตียงให้สวยงาม ก็ถือว่าช่วยเผาผลาญแคลอรี่ได้ดีทีเดียวค่ะ ซึ่งถือเป็นการออกกำลังเบาๆในยามเช้า สามารถทำได้ทุกวันเลย ช่วยเผาผลาญแคลอรี่ได้ถึง 70 กิโลแคลอรี่เลยค่ะ 2.ล้างห้องน้ำ แน่นอนเลยว่าการล้างห้องน้ำเป็นกิจกรรมที่ใช้แรงค่อนข้างมากทีเดียว ถือเป็นการออกกำลังกายช่วงแขน และเป็นกิจกรรมที่ต้องทำทุกวัน เพราะห้องน้ำต้องสะอาดอยู่เสมอ ซึ่งสามารถช่วยเผาผลาญแคลอรี่ได้ถึง 200-240 กิโลแคลอรี่เลยทีเดียวค่ะ 3.กวาดบ้าน/ถูบ้าน ไม่ว่าจะเป็นการกวาดบ้าน ถูบ้าน หรือแม้แต่การดูดฝุ่นก็ถือเป็นการออกกำลังกายที่ได้ใช้ร่างกายทุกส่วนเลยค่ะ ซึ่งการเผาผลาญแคลอรี่ก็ขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่เราทำ หากทำประมาณครึ่งชั่วโมงจะช่วยเผาผลาญแคลอรี่ได้ 200 กิโลแคลอรี่ และหากทำประมาณ 2 ชั่วโมงจะช่วยเผาผลาญแคลอรี่ได้ถึง 400-480 กิโลแคลอรี่เลยทีเดียวค่ะ 4.ล้างจาน ถึงแม้ว่าการล้างจานแทบจะไม่มีการขยับร่างกายมากนัก แต่ก็ช่วยเผาผลาญแคลอรี่ได้ถึง 100-122 กิโลแคลอรี่เลยค่ะ ใครที่ไม่ชอบล้างจานแต่อยากลดน้ำหนัก ลองหันมาล้างจานเพื่อช่วยเผาผลาญแคลอรี่กันดีกว่าค่ะ 5.รีดผ้า อีกหนึ่งกิจกรรมที่เชื่อว่าเพื่อนๆต้องทำเป็นประจำอยู่แล้ว ซึ่งการรีดผ้าเป็นการออกกำลังกายแขนได้ดีมาก เพราะต้องใช้แรงในการรีดผ้าให้เรียบ ให้ดูเป็นระเบียบเรียบร้อย แถมยังสามารถช่วยเผาผลาญแคลอรี่ได้ถึง 115 กิโลแคลอรี่เลยค่ะ […]