How To ฝึกลูกให้เป็นเด็กมีวินัย

ในสังคมไทยยามนี้เรามักจะพบเห็นว่าผู้คนสมัยใหม่เริ่มมีการขาดวินัยและระเบียบหลายอย่างซึ่งกฎระเบียบนั้นถูกสร้างขึ้นในทุกสังคมเพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข เกิดความเรียบร้อย ไม่มีใครถูกเอาเปรียบจากใคร แต่ด้วยระบบการศึกษาที่มุ่งเน้นเฉพาะวิชาการเป็นสำคัญ จึงทำให้การปลูกฝังระเบียบวินับมีเนื้อหาการเรียนที่เจือจางและไม่ทำให้เด็กได้รับมากเท่าไหร่และกลับมาทำพฤติกรรมตัวเองดังเดิมตามความเคยชิน เราจึงจะเห็นได้ว่าบุคคลที่ดีที่สุดในการฝึกเด็กให้มีวินัยก็คือ “ครอบครัว” และพวกเขาต้องได้รับการฝึกฝนตั้งแต่ยังเป็นเด็กเล็ก ๆ จึงจะทำให้มีวินัยและจิตสำนึกติดจนกลายเป็นนิสัยเมื่อเติบโตขึ้น วันนี้เราก็มีวิธีการฝึกลูกของคุณให้เป็นเด็กมีวินัยมาฝากกันค่ะ ฝึกลูกให้มีความรับผิดชอบในการกระทำต่าง ๆ การที่คุณพ่อคุณแม่ฝึกให้เด็กได้มีหน้าที่ของตัวเองในการทำประโยชน์ต่าง ๆ จะทำให้เขาเข้าใจบทบาทหน้าที่ของตัวเอง และเมื่อโตขึ้นหากมีภาระงานในรูปแบบนั้นเขาก็จะมีจิตอาสาในการรับหน้าที่ด้วยความเต็มใจพร้อมรับผิดชอบอย่างเต็มความสามารถ และเมื่อเด็กเกิดทำอะไรที่ผิดพลาดไปแม้จะด้วยประสบการณ์ที่มีไม่มากจนเกิดความเข้าใจที่ผิด ๆ หรือจะด้วยความไม่ได้ตั้งใจอย่างไรก็ตาม คุณต้องฝึกให้เขายอมรับมันตามตรงและพร้อมแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นแทนการไม่ยอมรับผิด และโทษอย่างอื่นไปเรื่อย เพราะหากปล่อยให้เขาทำเช่นนั้นในครั้งแรกก็ย่อมมีครั้งต่อ ๆ ไปตามมาจนแก้นิสัยยากแล้ว ความรับผิดชอบจึงเป็นการปลูกฝังที่สำคัญในการฝึกลูกของคุณให้มีวินัย ฝึกลูกให้รู้จักการกระทำที่เหมาะสมต่อสถานการณ์ต่าง ๆ การมีมารยาทก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดระเบียบวินัยขึ้นมา เมื่อเด็กได้ออกไปสู่โลกภายนอกที่มีกฎเกณฑ์และกติกาทางสังคมมากมาย บางเวลาก็ไม่อาจมีอิสระที่จะทำอะไรตามใจตัวเองได้ก็ต้องพยายามอดทนและรู้จักมารยาทที่เหมาะสมในการแสดงออกต่าง ๆ ให้เหมาะกับสถานการณ์นั้น ๆ ไว้ เพื่อที่ผู้อื่นจะไม่มองลูกคุณอย่างตำหนิ ด้วยเหตุนี้การฝึกลูกให้รู้จักพูด รู้จักทำ และวางตัวกับบุคคลในระดับที่แตกต่างกันตั้งแต่ผู้น้อยไปจนถึงผู้อาวุโส รวมไปถึงการกระทำต่าง ๆ ที่เป็นมารยาทในสังคมอันหลากหลายผ่านการไปทำกิจกรรมในครอบครัวอย่างการไปเที่ยว การไปร้านอาหาร หรือการไปเยี่ยมญาติ ซึ่งหากให้เด็กได้มีโอกาสไปสัมผัสกับโลกใบใหม่นอกเหนือจากบ้านที่ตัวเองอยู่ก็จะทำให้เด็กมีประสบการณ์มากขึ้น นับเป็นการปลูกฝังที่สำคัญในการฝึกลูกของคุณให้มีวินัยเช่นเดียวกัน ฝึกลูกให้ช่วยจัดบ้าน เด็กเล็ก ๆ มักจะอยู่ในช่วงวัยที่ชอบการจินตนาการและชอบเนรมิตสร้างสรรค์โลกสวย ๆ ส่วนตัวด้วยความชอบของตัวเอง คุณพ่อคุณแม่จึงควรใช้โอกาสนี้ในการให้ลูกคุณช่วยจัดบ้านให้น่าอยู่เมื่อถึงจุดหนึ่งที่คุณต้องทำความสะอาดบ้านและเก็บของเก่าเข้าคลังและเอาของใหม่มาตั้ง เด็กย่อมมีความสร้างสรรค์ในการเลือกของตกแต่งบ้านมากกว่าผู้ใหญ่ เขาจะเป็นผู้ช่วยที่ดีสำหรับคุณเลยล่ะ […]
How To ฝึกเด็กปฐมวัยให้กล้าแสดงออก

การเป็นคนที่กล้าแสดงออกและเป็นที่ยอมรับจากผู้อื่นในความคิดดี ๆ เป็นตัวเองของคนคนหนึ่งต้องได้รับการฝึกฝนมาตั้งแต่ในช่วงปฐมวัยที่เด็กเป็นเสมือนผ้าขาวพร้อมรับการปลูกฝังในสิ่งต่าง ๆ อย่างเต็มที่ หากเด็กปฐมวัยถูกสภาพแวดล้อมรอบตัวขัดขวางการกล้าแสดงออกตามวัยของตัวเองก็จะทำให้ฝังใจและกลายเป็นคนขี้กลัวไปจนโตเลย ด้วยเหตุนี้คุณครูและผู้เลี้ยงดูทุกคนจึงมีบทบาทสำคัญในการที่จะฝึกฝนให้เด็กปฐมวัยรู้จักการกล้าแสดงออก วันนี้เราก็ได้นำ How To ฝึกเด็กปฐมวัยให้กล้าแสดงออกมาแนะนำทุกคนกัน หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับเด็กปฐมวัยไม่มากก็น้อย เพราะความคิดของเด็กควรได้ถ่ายทอดออกมาให้โลกแห่งความจริงได้เห็น ฝึกความกล้าแสดงออกโดยให้เด็กปฐมวัยถาม – ตอบบ่อย ๆ การที่ผู้เลี้ยงดูฝึกให้เด็กปฐมวัยสังเกตและตั้งคำถามกับเรื่องราวรอบตัวที่ไม่เคยรู้บ่อย ๆ โดยไม่กีดขวาง ตอบตามตรงเพื่อเพิ่มประสบการณ์ก็จะทำให้เด็กปฐมวัยรู้จักใส่ใจในรายละเอียดของสิ่งต่าง ๆ เกิดไหวพริบ ใฝ่เรียนรู้ กล้าที่จะศึกษาด้วยตัวเอง เช่นเดียวกันกับการที่คุณถามเด็กหลังจากการสอนหรือการทำกิจกรรมต่าง ๆ ร่วมกันเพื่อฝึกให้เด็กได้คิดทบทวนความรู้ หรือหากเป็นคำถามที่เด็กยังไม่รู้ก็อาจคิดและตอบไปตามนั้นซึ่งคุณควรจะชื่นชมและพาเด็กไปหาคำตอบด้วยตนเอง เมื่อเด็กได้ถาม – ตอบบ่อย ๆ ก็จะทำให้เขาเกิดความกล้าแสดงออกในการพูดสิ่งที่อยากพูด ฝึกความกล้าแสดงออกโดยให้เด็กปฐมวัยนำเสนอผลงานตัวเอง การที่คุณให้เด็กได้ลงมือสร้างสรรค์ผลงานของตัวเองในกิจกรรมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ที่มีการนำอุปกรณ์และวัสดุหาง่ายในท้องถิ่นมาให้เด็กออกแบบผลงานด้วยตัวเอง หรือการทดลองโดยบอกขั้นตอนแก่เด็กปฐมวัย ให้เขาเป็นผู้ลงมือทำเองในกิจกรรมวิทยาศาสตร์โดยที่ผู้ใหญ่เป็นเพียงแค่คนที่คอยดูแลไม่ให้เกิดอันตรายเท่านั้น เด็กปฐมวัยก็จะกล้าแสดงออกทางความคิด กล้าตัดสินใจ และกล้าทำ ฝึกความกล้าแสดงออกโดยให้เด็กปฐมวัยเล่าเรื่องราวต่าง ๆ การที่ผู้ใหญ่เปิดโอกาสให้เด็กปฐมวัยออกมาเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับตัวเอง การไปเที่ยวกับครอบครัว และการคิดนิทานของตัวเองออกมาเล่าให้ทุกคนฟังสามารถส่งเสริมการกล้าแสดงออกในความคิดเห็นและจินตนาการของตัวเองได้และยังช่วยเพิ่มทักษะการสื่อสารแก่เด็กปฐมวัยได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้กิจกรรมการเล่าอาจได้รับการต่อยอดจากกิจกรรมการนำเสนอผลงานโดยให้เด็กออกมาเล่าความประทับใจในกิจกรรมนั้น รวมถึงอธิบายความหมายของผลงานที่ตัวเองอยากสื่อออกมาก็ได้ จะทำให้เด็กปฐมวัยเกิดความภาคภูมิใจในตัวเองมากขึ้น รูปภาพประกอบ : Pixabay #เคล็ดลับต่างๆ […]
เมื่อรู้ว่าตัวเองไม่เก่งควรทำอย่างไร

เชื่อว่าหลายคนในที่นี้คงมีความคิดอยู่ลึกๆในใจว่าทำไมตัวเราถึงไม่เก่งเหมือนคนรอบข้าง ทำไมเราถึงทำบางสิ่งเหมือนคนอื่นไม่ได้ ซึ่งบางครั้งความคิดเหล่านี้ก็ทำให้เราเกิดความเครียด ความผิดหวังในตนเอง และหมดหวังในตนเองในที่สุด และคิดว่าเราคงจะทำไม่ได้ เพราะเราไม่เก่งและไม่มีความสามารถมากพอ เปลี่ยนความคิดใหม่ หากเราคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังคิดแบบนี้อยู่ คุณต้องเริ่มเปลี่ยนแปลงความคิดของตนเองซะใหม่ เพื่อสร้างโอกาสให้ตัวเอง และทำให้ตนเองรู้สึกภูมิใจในตนเองมากขึ้น หากคุณมีความคิดอยากเปลี่ยนแปลงตัวเองแล้ว วันนี้เราจะมาแชร์เรื่องราวดีๆให้ทุกคนได้ใช้เป็นแนวทางในการเปลี่ยนแปลงให้ตนเองเป็นคนเก่ง ทุกคนสามารถเปลี่ยนแปลงตนเองง่ายๆด้วยเทคนิคและวิธีการ ดังนี้ 1.เปิดใจ เป็นการเปิดใจให้ตัวเองได้พบเจอสิ่งใหม่ๆ ไม่ปิดกั้นสิ่งต่างๆที่จะเข้ามาในชีวิต การเปิดใจรับสิ่งใหม่ๆจะเป็นจุดเริ่มต้นของการเป็นคนเก่งได้อย่างง่ายดาย และเชื่อว่าบางครั้งคุณจะรู้จัก และค้นพบกับความสามารถหรือความเก่งที่แท้จริงของตัวเองได้ด้วย 2.กล้าลอง หากอยากจะทำอะไรซักอย่าง อย่าไปลังเลว่าเราจะทำได้หรือไม่ได้ แต่สิ่งที่เราควรทำนั่นก็คือ กล้าลอง กล้าเสี่ยง กล้าลงมือทำสิ่งนั้น ถึงแม้ผลลัพธ์จะออกมายังไง แต่เชื่อได้เลยว่าถ้าเราได้ลองทำอย่างเต็มที่แล้ว เราก็จะรู้สึกภูมิใจและเห็นคุณค่าในตัวเองมากขึ้น 3.ไม่เอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่น หนึ่งสาเหตุหลักที่เราคิดว่าตัวเองไม่เก่ง นั่นก็คือการเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนที่เค้ามีความเก่งกว่าในเรื่องต่างๆ แต่ทุกคนก็ควรจำไว้ว่า คนเราไม่ได้เก่งทุกเรื่อง บางเรื่องเค้าเก่งกว่าเรา แต่บางเรื่องเราก็เก่งกว่าเค้าเช่นเดียวกัน ดังนั้นเราไม่ควรนำมาเปรียบเทียบกัน และไม่นำสิ่งใดมาเป็นบรรทัดฐานในชีวิตของเรา 4.เชื่อมั่นในตัวเอง ความเชื่อมั่นในตัวเองเป็นสิ่งที่ดีที่สุด ซึ่งหากเรามีความเชื่อมั่นว่าเราทำได้ ก็จะไม่มีสิ่งอื่นใดที่จะมาขวางกั้นความคิดนี้ของเรา และตัวเราเองก็พร้อมที่จะเผชิญและแก้ไขปัญหาได้ดีที่สุด เพียงแค่นี้เราก็จะเป็นคนที่เก่งขึ้นได้อย่างง่ายดาย ทุกคนเห็นมั้ยคะว่าการเปลี่ยนแปลงให้ตนเองเป็นคนเก่งขึ้นนั้นไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแค่เราให้โอกาสตนเอง และสร้างพลังบวกให้กับตนเองอยู่เสมอ เราก็จะเป็นหนึ่งคนที่เก่งไม่แพ้ใครค่ะ ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนสู้ๆนะคะ #ไม่เก่งควรทำอย่างไร #คนเก่ง #เคล็ดลับต่างๆ
ทำสีผมมาแล้วซักพักก็หลุดลอก ทำอย่างไรให้สามารถล็อคสีผมติดทนนาน

ปัจจุบันนี้เทรนด์แฟชั่นนั้นปรับเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า การแต่งหน้า หรือแม้กระทั่งทรงผม มันกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้วที่ในปัจจุบันนี้จะมีการย้อมผมกันทั้งการทำที่บ้านหรือแม้กระทั่งการไปทำที่ร้านก็ตาม ถ้าอย่างไรก็ตามเมื่อเราทำสีผมเสร็จแล้วมันมักจะอยู่กับเราได้เพียงแค่ไม่กี่วันเท่านั้น โดยเฉพาะคนที่ฟอกสีผมแล้วลงสีสันลงไป ยิ่งหลุดลอกง่ายมากยิ่งขึ้นไปอีก วันนี้เราจึงจะมาแนะนำเทคนิคว่าทำอย่างไรจึงจะสามารถล็อคสีผมให้ติดทนนานได้มากยิ่งขึ้นกัน รวมเทคนิคการล็อคสีผม ให้สีผมติดทนนานมากกว่าเดิม 1.งดสระผม หลังจากทำสีผมเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้วควรงดสระผมเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 2-3 วัน ไม่ควรสระผมทันทีเนื่องจากจะทำให้สีผมที่เราทำมาไม่ติดทน มีหลุดลอกหรือจางลงอย่างเห็นได้ชัด ต้องปล่อยให้น้ำยาย้อมผมใช้เวลาในการเซ็ตตัวเองอย่างน้อย 48 ชั่วโมง จึงสามารถมั่นใจได้ว่าสระผมแล้วสีจะไม่หลุดออกอย่างแน่นอน 2.ความถี่ในการสระผม การสระผมเป็นประจำทุกวันจะทำให้สีผมจางขึ้นอย่างรวดเร็วมากกว่าการสระผมวันเว้นวัน ดังนั้นหากคุณเป็นคนที่ผมมันอาจต้องใส่แบบวันเว้นวันเป็นความถี่มากที่สุดสำหรับคนที่ทำสีผม แต่สำหรับคนที่ผอมแห้งอยู่แล้วหรือหนังศีรษะไม่มันก็อาจจะลดความถี่ในการสระผมลงมากกว่านี้ได้อีก 3.อุณหภูมิน้ำในการสระผม เชื่อว่าหลายคนชื่นชอบการสระผมน้ำอุ่นจนถึงขั้นร้อนเนื่องจากมันผ่อนคลายและสบายใจ แต่การสระผมด้วยน้ำอุ่นไปจนถึงน้ำร้อนนั้นจะทำให้สีผมที่เราทำมาจากลงไปอย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้นไปอีก ไม่เพียงเท่านั้นยังตามมาด้วยปัญหามากมายอย่างเช่นหนังศีรษะแห้ง เส้นผมแห้ง หรือแม้กระทั่งเป็นรังแค การว่ายน้ำในสระว่ายน้ำ ในสระว่ายน้ำนั้นจะมีสารคลอรีนที่ช่วยรักษาความสะอาดของสระว่ายน้ำเอาไว้ มันเป็นสารที่ส่งผลต่อสีผมของเราไม่น้อยเลยทีเดียว เวลาที่ว่ายน้ำเสร็จผมเรามักจะดูไม่เงางาม ดังนั้นหลังจากทำสีผมมาใหม่เราขอแนะนำให้หลีกเลี่ยงการว่ายน้ำไปก่อน หรือหากต้องการว่ายน้ำจริงก็ควรใช้ครีมนวดผมชโลมผมแล้วไม่ต้องล้างออกจะสามารถช่วยล็อคสีผมของเราได้ในระดับหนึ่ง ล็อคสีผมได้ด้วยการใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับทำสีผมโดยเฉพาะ สิ่งที่ดีที่สุดที่จะช่วยล็อคสีผมของเราให้อยู่ติดทนยาวนานได้มากที่สุดก็คือการใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับผมทำสีโดยเฉพาะ เนื่องจากสาเหตุส่วนใหญ่ที่ทำให้สีผมจางลงไปอย่างรวดเร็วผิดปกติเกิดจากการที่เราเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ไม่เหมาะสมกับสภาพผมของเรา การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับผมทำสีไม่ว่าจะเป็นแชมพู ทรีทเม้นท์ และครีมนวด จะช่วยปกป้องสีผมของเราให้ติดทนนานได้มากยิ่งขึ้น สามารถตรวจสอบได้ด้วยการดูฉลากว่ามีส่วนผสมของแอลกอฮอล์หรือสาร Sls หรือไม่ ถ้ามีสารเหล่านี้จะทำให้สีผมจางอย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น Link : https://promotions.co.th/สำรวจตลาด/สินค้าทั่วไป/beauty-สินค้าทั่วไป/10-shampoos-for-colored-hair-lock-hair-color-long-and-revitalize.html #ล็อคสีผม #ทำสีผม #เคล็ดลับต่างๆ
How to เตรียมตัวไปม็อบ

เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 63 ที่ผ่านมา ได้เกิดการชุมนุมที่แยกปทุมวัน ซึ่งรัฐบาลได้มีการสั่งให้สลายการชุมนุมด้วยวิธีฉีดน้ำผสมแก๊สน้ำตาและสารเคมีสีน้ำเงินใส่ผู้ชุมนุม ทำให้หลายคนได้รับผลกระทบ เกิดการระคายเคืองที่ดวงตาและผิวหนัง แต่ถึงอย่างนั้น การชุมนุมก็ยังคงมีต่อมาเรื่อย ๆ ซึ่งคาดว่าน่าจะไม่จบลงง่าย ๆวันนี้เราเลยมาแนะนำ How to เตรียมตัวไปม็อบและการรับมืออย่างไรเมื่อโดนแก๊สน้ำตา ใครมีแพลนไปม็อบเตรียมตัวตามนี้เลย แต่งตัวไปม็อบ 1.สวมเสื้อที่ไม่มีลวดลาย สีสะดุดตา (เน้นสีดำเพื่อให้กลืนกับคนในม็อบ) ใครมีรอยสัก หรือปานให้สวมเสื้อที่ปิดมิดชิด 2. สวมกางเกงที่คล่องตัว 3. สวมรองเท้าวิ่ง หรือรองเท้าที่สะดวกในการเคลื่อนตัว 4. สวมหมวกแข็ง ป้องกันการจู่โจมหรือโดนของแข็ง ถ้าอยากกันแก๊สน้ำตาทีเดียวให้สวมหมวกกันน็อก 5. สวมแว่นตากันกระแทก ป้องกันแก๊สน้ำตาและการระบุตัวตนจากกล้องตรวจจับ 6. ใส่สนับเข่า, ข้อศอก ป้องกันบาดแผลจากการปะทะหรือหกล้ม 7. สวมถุงมือหนา ป้องกันมือโดนแก๊สน้ำตา หรือจะใช้พลาสติก Wrap พันแขนก็ได้ สิ่งที่ต้องพกไปม็อบ 1. น้ำดื่ม (ควรพกอย่างน้อย 2 ขวด สำหรับดื่มและล้างแก๊สน้ำตา) 2. ร่ม […]
เทคนิคการเตรียมตัวสมัครแอร์โฮสเตส-สจ๊วต

แอร์โฮสเตส หรือพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน เป็นอีกหนึ่งอาชีพที่ได้รับความสนใจอย่างมากในปัจจุบัน เป็นอาชีพที่หนุ่มสาวหลาย ๆ คนใฝ่ฝันอยากจะเป็น เพราะด้วยภาพลักษณ์ที่ดูดี สง่างาม การได้เดินทางไปยังสถานที่ต่าง ๆ มากมาย และยังมีรายได้สูงด้วย สำหรับหนุ่ม ๆ สาว ๆ ที่สนใจอยากจะเป็นพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน จำเป็นจะต้องรู้วิธีการเตรียมตัวในการสมัคร ว่าจะต้องมีการเตรียมตัวอย่างไรบ้าง เพื่อจะทำให้ตัวเองสามารถก้าวไปถึงความฝันนี้ได้สำเร็จ วันนี้จะมาสรุปเทคนิคการเตรียมตัวสมัครแอร์โฮสเตส-สจ๊วตให้เข้าใจอย่างง่าย ๆ โดยจะแบ่งออกเป็น 5 ข้อ ดังต่อไปนี้ค่ะ 1.เตรียมเอกสารและรูปถ่าย ก่อนจะสมัครพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินเราจะต้องมีการเตรียมเอกต่าง ๆ ให้พร้อม โดยส่วนใหญ่แล้วเมื่อสายการบินต่าง ๆ ประกาศรับสมัครพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน แต่ละสายการบินก็จะแจ้งให้ทราบว่าทางสายการบินต้องการเอกสารอะไรบ้าง แต่ส่วนใหญ่เอกสารที่จำเป็นจะต้องเตรียมให้พร้อมก่อนการสมัคร 2.การเตรียมเสื้อผ้า หน้า ผม และบุคลิกภาพ เสื้อผ้า หน้า ผม และบุคลิกภาพ เป็นองค์ประกอบที่สำคัญมากอย่างหนึ่ง เพราะจะสามารถดึงความสนใจจากกรรมการ และสามารถสร้างความประทับใจแรกพบให้กับกรรมการได้ เพราะว่ากรรมการจะมองที่การแต่งตัว และรูปลักษณ์ภายนอกก่อน ก่อนที่จะเริ่มการสนทนา ดังนั้นการเตรียมความพร้อมด้านนี้จึงเป็นองค์ประกอบหนึ่งที่สำคัญเป็นอย่างมาก หนุ่มสาวทุกคนจะต้องมีการเตรียมตัวเองให้พร้อมที่สุดก่อนวันสมัครชุดในการสมัคร ผู้ชาย: การแต่งกายของผู้ชาย จะต้องใส่สูท และผูกเนคไท การเลือกสีสูทควรเลือกสีที่สุภาพ เช่นสีเทาเข้ม […]
เทคนิคการถ่ายรูปและท่าโพสต์สุดปังสำหรับสาวๆ

สำหรับสาวๆแล้วการถ่ายรูปเรียกได้ว่าเป็นงานอดิเรกของหลายๆคนเลยก็ว่าได้ ซึ่งการถ่ายรูปมันไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลยนะ ผู้ชายบางคนต้องมีงงกันบ้างล่ะ กับคำถามในใจว่าทำไมสาวๆจึงต้องจริงจังกับการถ่ายรูปถึงขนาดนี้ ในฐานะที่เราเป็นผู้หญิงคนนึงที่ชอบอัพรูปของตัวเองลงในโลกโซเซียล ต้องขอบอกคุณผู้ชายไว้ตรงนี้เลยว่า สมัยนี้เราต้องมีรูปไว้อวดเพื่อน อวดหนุ่มและเรียกยอดไลค์กันทั้งนั้นล่ะค่ะ ยิ่งมีคนมาคอมเม้นว่าสวยบ้าง แซ่บบ้าง โอ้โหดีใจเป็นต้องมีกรี๊ด ซึ่งหากตอนนี้เพื่อนสาวคนไหนอยากได้ภาพถ่ายของตัวเองแบบปังๆบ้างล่ะก็ เรามีเทคนิคง่ายๆสำหรับการถ่ายรูปให้ออกมาเริ่ด มาแบ่งปันเพื่อนกันค่ะ จะมีเทคนิคยังไงแล้วต้องโพสต์ท่าแบบไหนให้ดูน่ามอง เพื่อนๆลองนำไปปรับใช้กับตัวเองได้เลยนะ สาวขาสั้นอยากได้รูปขายาวทำยังไง? สำหรับสาวที่ขาสั้นหรือเรียกว่าเป็นสาวไซร้น่ารักปุ๊กปิ๊ก หากอยากได้ภาพถ่ายขายาวราวกับสูง175 เซนติเมตรพวกแกต้องโพสต์ท่าแบบนั่งหันข้างเพื่อโชว์เรียวขายาวๆเรียวๆนะจ๊ะ ที่สำคัญคือต้องห้ามมองกล้อง คือต้องหันมองไปด้านข้างชมนกชมไม้ ยิ้มเบาๆให้ดูเป็นธรรมชาติ ภาพมุมนี้จะเป็นมุมที่โชว์เรียวขาของสาวๆได้เป็นอย่างดี แถมยังดูผอมเพรียวด้วย ชั้นรู้ว่าพวกแกชอบแบบหลังมากกว่า นั่นแหละลองไปโพสต์ไปถ่ายกันดูได้รูปสุดปังไม่แพ้ใครอย่างแน่นอน แต่ข้อแนะนำที่ดีมากๆอีกอย่างคือพวกแกต้องแต่งตัวให้เข้ากับวิวหรือสถานที่ที่จะไปถ่ายด้วยนะไม่งั้นจากปังก็กลายเป็นพังได้เหมือนกัน ถ่ายรูปคู่กับขนมหรื่องเครื่องดื่มในคาเฟ่ ต้องถ่ายมุมไหนให้ดูชิคๆ? สายคาเฟ่ ตามมาเลย บางคนไปคาเฟ่นั่งคิดอยู่ตั้งนานว่าจะถ่ายรูปกับขนมยังไงดีน๊า มุมนี้จะสวยมั้ย มุมนี้น่ารักมั้ย บางครั้งมัวแต่คิดท่าโพสต์อยู่ตั้งนานจนขนมสีซีดก็ยังไม่ได้ซักรูป ครั้งต่อไปจะไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีกแน่นอนถ้าพวกแกลองท่าโพสต์แบบนี้ นั่นก็คือหยิบขนมที่ต้องการถ่ายคู่กับตัวเองขึ้นมา แล้วยิ้มหรือแสดงอริยาบทกับมัน ประมาณว่าชั้นมีความสุขในการกินอยู่ ยิ้มกว้างให้ดูแบบใส่ใช้สายตาจิกกล้องเบาๆ นั่งตัวตรงๆอย่าให้หลังคู้ไม่งั้นจะเสียบุคลิกทันทีเลยหล่ะ ทำตัวให้เป็นธรรมชาติมากที่สุด เทคนิคนี้ง่ายมากๆสำหรับการถ่ายรูปให้ดูปังและน่ารัก อยากได้รูปมุมเผลอทำยังไง? อีกหนึ่งมุมยอดฮิตในตอนนี้ ก็คือภาพมุมเผลอนั่นเอง พวกแกหลายๆคนอยากได้โมเมนต์แบบโดนแอบถ่ายใช่มั้ยล่ะ แต่ถ้ามันไม่เผลอจริงๆเราก็ต้องมีเทคนิคกันบ้างนิดหน่อยเพื่อให้ดูสมจริงเนอะ เพื่อรูปปังๆของเราเราทำได้ ขัอแนะนำง่ายๆสำหรับท่าโพสต์ก็คือลองยืนหันข้าง เสยผมหรือจับดอกไม้ใบไม้แล้วยิ้มให้เป็นธรรมชาติมากที่สุด เงยหน้าขึ้นซักเล็กน้อยข้อสำคัญคืออย่าเอาอะไรมาบังหน้าตัวเองนะ […]
How to พิชิตใจผู้ชายสายฝอ

สวัสดีค่ะทุกคน วันนี้เราขอมาเอาใจสาวไทยที่หัวใจหลงหนุ่มสายฝอ. กันหน่อย ไหนๆ ใครชอบหนุ่มฝรั่งหน้าคมสุดเป๊ะกันบ้าง แต่การที่จะเข้าไปทำความรู้จักก็มักจะมีปัญหาติดอยู่ที่อะไรๆหลายๆอย่าง ทำให้สาวๆไม่มั่นใจที่จะเข้าไปทำความรู้จัก วันนี้เรามี How to พิชิตใจผู้ชายสายฝอ มาฝากสาวๆกันค่ะ ไปดูพร้อมๆ กันเลยว่ามีอะไรบ้าง 1.กล้าพูด ก่อนอื่นสาวๆทั้งหลายต้องกล้าพูดกับเขาก่อน แม้ภาษาอังกฤษของตัวเองจะอยู่ในระดับที่เรียกว่างูๆ ปลาๆ ก็ตาม แต่ถ้าไม่พูดยังไงก็ไม่มีทางได้ ดังนั้นถ้าเจอแล้วสนใจแล้วอยากทำความรู้จัก รีบเข้าไปพูดทักทายด่วนๆ ในเมื่อระดับภาษาอยู่ขั้นงูๆ ปลาๆ ก็พูดแบบงูๆ ปลาๆ ไปนั่นแหละ พวกฝรั่งเขาชอบเวลาที่เราพยายามพูดภาษาของเขาจะตายไป ดีไม่ดีเขาอาจจะประทับใจอีกต่างหาก 2.มีความจริงใจ สิ่งแรกที่ต้องมีในการเริ่มต้นคุยกับใครสักคนคือความจริงใจค่ะ ก่อนที่เราจะเราจะเริ่มเข้าหาใครก็ตาม ไม่ว่าจะความสัมพันธ์แบบไหนก็ควรเข้าไปด้วยความจริงใจ เพราะความจริงใจนี่ล่ะเป็นสิ่งเเรกที่เราพึงจะมอบให้กัน หากมีใครสักคนจะเข้ามาในชีวิตเรา 3.แลกเปลี่ยนวัฒนธรรม การแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมเป็นเรื่องที่เหมาะมากสำหรับการทำความรู้จักคนต่างชาติต่างภาษา ต่างวัฒนธรรม เป็นการสานสัมพันธ์ที่น่าสนใจ เพราะต่างคนต่างก็อยากรู้วัฒนธรรมของคนอื่น การได้เรียนรู้แลกเปลี่ยนกัน ถือเป็นการทำความรู้จักที่ดี พยายามนำเสนอเอกลักษณ์ของไทยออกไป และพยายามถามไถ่เกี่ยวกับวัฒนธรรมของเขาด้วยความอยากรู้ เชื่อว่าวิธีนี้ช่วยได้เยอะแน่ 4.พยายามเอ่ยปากชมเขาบ่อยๆ อาจจะเป็นการชมหน้าตาของเขา หรือนิสัยใจคอของเขาก็ได้ รวมถึงชมในความสามารถของเขา หรืออาจจะชื่นชมในวัฒนธรรมของเขาก็ได้อีกเช่นกัน พยายามให้เขารู้สึกมั่นใจที่จะพูดคุยกับคุณ แบบนี้ช่วยให้ความสัมพันธ์เป็นไปในทิศทางที่ดีแน่นอน 5.อย่าหัวเราะเขาเมื่อเขาใช้ภาษาของเราผิด อย่าหัวเราะหรือขำหากเขาพูดภาษาของเราผิดเพราะนั่นจะทำให้เขาเสียความมั่นใจมากๆ คุณต้องเข้าใจว่าไม่ใช่ภาษาเกิดเขา […]
How To ถ่ายรูปพรีเวดดิ้งบนรถไฟให้สวยงามได้เรื่องราว

การถ่ายรูปพรีเวดดิ้งด้านการเดินทางไม่มีรูปแบบที่ตายตัว ขึ้นอยู่กับว่าคู่บ่าวสาวต้องการจะบอกเล่าเรื่องราวการเดินทางของความรักคู่ตัวเองในรูปแบบใดก็เท่านั้น บางคนอาจถ่ายรูปการเดินทางด้วยขาสองคู่ในสถานที่ต่าง ๆ ซึ่งดงามในบรรยากาศที่ไม่เหมือนกัน บางคนอาจถ่ายรูปพรีเวดดิ้งในรถยนต์ หรือยานพาหนะอื่น ๆ ที่เป็นสัญลักษณ์ของการเดินทางไกลซึ่งต้องพบเจอกับบรรยากาศ สภาพอากาศที่ดีบ้างไม่ดีบ้างแต่สุดท้ายหากจับมือกันไว้ เข้าใจกัน คอยอยู่เคียงข้าง ไม่ประมาท ไม่ย่อท้อ เราก็จะไปถึงจุดหมายได้อย่างปลอดภัย และสำหรับวันนี้เราก็มีอีกหนึ่งการถ่ายรูปพรีเวดดิ้งบนยานพาหนะยอดฮิตที่หลายคนต่างชื่นชอบกันนั่นก็คือ “รถไฟ” มาดูกันดีกว่าว่ายานพาหนะที่มีความยาวมากที่สุดของยานหานะเดินทางชนิดอื่นจะสามารถถ่ายรูปพรีเวดดิ้งสร้างเรื่องราวแบบใดให้โรแมนติกได้บ้าง ถ่ายรูปพรีเวดดิ้งบนรถไฟโดยนั่งฝั่งตรงข้ามมองตากัน การถ่ายรูปพรีเวดดิ้งบนรถไฟแบบโรแมนติกเบสิกที่สุดก็คือ การที่คู่รักจะนั่งบนที่นั่งฝั่งตรงข้ามที่หันหน้าชนกันทำให้พวกเขาสามารถมองตากันได้อย่างหลงใหล มีความสุขในระยะทางที่ไกลอีกนานเท่าไหร่จะถึงก็ไม่อาจกะได้ ยิ่งมีความเขื่องช้าของรถไฟแล้วยิ่งเป็นโชคดีที่จะได้นั่งมองดวงตาสดใสที่สวยงามทำให้หัวใจเราเต้นแรงได้ตลอดทาง แถมระหว่างที่นั่งก็ยังมีหน้าต่างบานเดียวกันคั่นอีกด้วย วิวสวยเลยล่ะงานนี้ ไม่ถ่ายมุมโมเม้นต์โรแมนติกอย่างนี้ถือว่าพลาดมาก ถ่ายรูปพรีเวดดิ้งบนรถไฟโดยการมองหน้าต่าง หน้าต่างรถไฟเป็นสิ่งที่ทำให้บรรยากาศภายในรถไฟอันแสนคับแคบนั้นปลอดโปร่งมากยิ่งขึ้นจากแสงแดดที่ลอดเข้ามาและแม้แต่เวลากลางคืนบริเวณทางรถไฟก็ยังคงมีแสงไฟจากเสาไฟฟ้าข้างทางอยู่ ไหนจะแสงจันทร์แสนสวยด้วย อีกทั้งนอกหน้าต่างเราก็จะได้เห็นทิวทัศน์หลากหลายบรรยากาศธรรมชาติและบ้านเรือนในหลากหลายจังหวัดที่ทางรถไฟตัดผ่านซึ่งงดงามได้ชมวิถีชีวิตที่แตกต่างกันไป จึงเป็นการถ่ายทอดเรื่องราวนี้ที่ดีมากหากพวกคุณจะถ่ายรูปพรีเวดดิ้งบนรถไฟแบบนั่งเท้าคางคู่กันและมองบรรยากาศนอกหน้าต่างแบบชิลล์ ๆ อยู่ในโลกเดียวกัน ความรู้สึกประทับใจเดียวกันที่จะทำให้เข้าใจกันมากขึ้น ถ่ายรูปพรีเวดดิ้งบนรถไฟโดยการป้อนอาหารกัน หากใครเคยขึ้นรถไฟก็คงรู้ว่าระหว่างที่เดินทาง บนรถไฟแบบเก่า ๆ คลาสสิกก็จะมีคนนำอาหารขึ้นมาขายด้านบนมากมายตั้งแต่ถั่ว ลูกชิ้น หมูปิ้ง ไก่ย่าง ข้าวกล่อง และอื่น ๆ อีกมากมายซึ่งถือเป็นเดอะเบสต์ของการเดินทางด้วยยานพาหนะสาธารณะนี้ซึ่งยานพาหนะอื่นไม่มีวันเหมือน ฉะนั้นจึงเหมาะมากที่เราจะนำวิถีอาหารบนรถไฟแบบคันทรี่มาใส่เป็นเรื่องราวให้รูปพรีเวดดิ้งมีความโรแมนติกโดยการป้อนอาหารหรือรับประทานอาหารร่วมกันบนรถไฟพร้อมหัวเราะด้วยความสนุกสนาน รูปภาพประกอบ : Pixabay เคล็ดลับต่างๆ #ไอเดียสุดเจ๋ง #ถ่ายรูปพรีเวดดิ้งบนรถไฟ
3 วิธียกแก้วเฉลิมฉลองให้แก่คู่บ่าวสาว

เมื่อเสร็จสิ้นพิธีปฏิญาณรัก แสดงความรู้สึกดี ๆ ที่คู่บ่าวสาวมีให้ต่อกันจนถึงการตัดเค้กส่งท้ายแล้วก็ได้เวลาที่แขกเหรื่อในงานที่มาร่วมแสดงความยินดีจะได้ทำหน้าที่ของตัวเองอีกอย่างก่อนจะได้รับประทานอาหารร่วมกันตามอัธยาศัยอย่างการยกแก้วขึ้นเหนือศีรษะเพื่อเฉลิมฉลองวาระพิเศษในงานแต่งของคนที่ตัวเองรักและปรารถนาดีแบบส่งเสียงให้ดังเพื่อเป็นการยืนยันตามฐานะสักขีพยานว่าพวกเขาจะรักกันตลอดไปและหวังว่าจะยังคงรักษาการส่วนหนึ่งของชีวิต ส่วนหนึ่งของหัวใจ และส่วนหนึ่งของจิตวิญญาณให้กันแบบนี้ไปจนถึงวันสุดท้าย ซึ่งวันนี้เราก็มี 3 วิธียกแก้วดี ๆ ในการเฉลิมฉลองให้แก่คู่บ่าวสาวที่พวกเรานิยมทำกันมานานเพื่อบอกเล่าให้คุณได้หาวิธียกแก้วเด็ด ๆ ที่แตกต่างกันบ้างเป็นสีสันแก่งานแต่งงานของคู่บ่าวสาว ยกแก้วชนกันเพื่อเฉลิมฉลองให้แก่คู่บ่าวสาว การยกแก้วชนกัน เป็นการแสดงความยินดีและเฉลิมฉลองความรักให้แก่คู่บ่าวสาวแบบคลาสสิกที่มีเพียงเสียงแก้วสดใสที่ชนกันดังกิ๊งเสมือนระฆังในโบสถ์ที่มีความอ่อนโยนประหนึ่งได้รับพรจึงถูกนำมาใช้กับการยกแก้วชนกันในพิธีการต่าง ๆ แม้แต่งานแต่งงานด้วย โดยการยกแก้วนั้นจะทำการชนปากแก้วกันกับคนที่อยู่ข้าง ๆ หรืออาจชนแก้วกันเป็นกลุ่มร่วมกับคนทุกคนที่อยู่โต๊ะเดียวกันก็ได้ ยกแก้วขึ้นและลงเพื่อเฉลิมฉลองให้แก่คู่บ่าวสาว การยกแก้วขึ้นลงเพื่อเฉลิมฉลองให้แก่คู่บ่าวสาว เป็นการแปรลักษณะท่าทางการเฉลิมฉลองมาจากน้ำเสียงการโห่ร้องดังที่ขานว่า “ไชโย!” ซึ่งหมายความว่า ให้พรแก่คู่บ่าวสาวหรือเป็นการแสดงความยินดีให้อีกฝ่าย ให้ตัวเองด้วยใจที่สุขเอ่อล้น มีความปีติยินดีเกินกว่าจะอธิบายออกมาได้ในวันนี้ ซึ่งการขานเสียงไชโยจะมีน้ำเสียงในระดับที่ต่างกัน ในคำว่า “ไช” จะมีเสียงต่ำทุ้มและให้ยกแก้วลง ซึ่งเมื่อมาถึงคำว่า “โย” ก็ให้ยกแก้วสูงที่สุดพร้อมเปล่งเสียงตะโกนดังให้ถึงที่สุดเพื่อเป็นสักขีพยานความรักคู่บ่าวสาวให้พื้นดินและผืนฟ้าได้รับรู้ ยกแก้วดื่มเพื่อเฉลิมฉลองให้แก่คู่บ่าวสาว การยกแก้วขึ้นดื่มเพื่อเฉลิมฉลองให้แก่คู่บ่าวสาว มักจะใช้กับการแต่งงานในยุคสมัยใหม่ที่เพียงแค่ส่งสายตาและรอยยิ้มให้แก่คู่บ่าวสาวพร้อมกับพูดแสดงความยินดีในประโยคที่พิธีกรเอ่ยออกมาเพื่อเป็นสักขีพยานให้พวกเขาพร้อมเพรียงกันก็สามารถดื่มเครื่องดื่มแบบจิบ 1 ครั้งเป็นการแสดงความรู้สึกหนึ่งเดียวร่วมเป็นคำสัญญาของคู่บ่าวสาวที่ดื่มเครื่องดื่มเช่นกัน จะว่าเป็นการยกแก้วดื่มสัญญาและอวยพรก็ได้ รูปภาพประกอบ : Pixabay #เคล็ดลับต่างๆ #ไอเดียสุดเจ๋ง #ยกแก้วเฉลิมฉลอง